tag:blogger.com,1999:blog-71367790958915845242024-03-12T18:54:10.675-07:00องค์ความรู้Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-78427356747413903642012-02-09T19:48:00.000-08:002012-02-09T19:49:44.450-08:00การฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด<span style="color: #0c343d;">หลักการตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545</span><br />
<span style="color: #0c343d;"><br />
</span><br />
<span style="color: #0c343d;"> ปัญหายาเสพติดในประเทศไทย เป็นปัญหาวิกฤต ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และคุณภาพประชากร โดยเฉพาะปัญหาจำนวนผู้เสพยาเสพติดที่มีจำนวนสูงขึ้น และแพร่ระบาดไปยังกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดโดยใช้หลัก "การป้องกันนำหน้าการปราบปราม ผู้เสพต้องได้รับการรักษา และผู้ค้าต้องได้รับการลงโทษอย่างเด็ดขาด" จากนโยบายดังกล่าวถือว่าผู้เสพยาเสพติดเป็นผู้ป่วยมิใช่อาชญากรจึงต้องได้รับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างทั่วถึง</span><br />
<span style="color: #0c343d;">อย่างไรก็ดีก่อนที่จะกล่าวถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัดจะขอกล่าวถึงระบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในประเทศ โดยที่ผ่านมามี 2 ระบบ คือ</span><br />
<span style="color: #0c343d;"> ระบบที่ 1 การบำบัดรักษาในระบบสมัครใจ (Voluntary System) เป็นการเปิดโอกาสผู้ติดยาเสพติดซึ่งต้องการเลิกยา สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งในการดำเนินการที่ผ่านมาผู้เข้ารับการบำบัดรักษาส่วนใหญ่ไม่มีแรงจูงใจเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่องจนครบครั้น</span><br />
<span style="color: #0c343d;"> ระบบที่ 2 การบำบัดรักษาในระบบต้องโทษ (Correctional System) เป็นการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดไว้ในทัณฑสถานบำบัดของกรมราชทัณฑ์สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งในการดำเนินการที่ผ่านมาสถานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพและเนื่องจากการควบคุมตัวร่วมกับผู้กระทำผิดคดีอื่นๆ ทำให้ผู้ติดยาเรียนรู้พฤติกรรมอาชญากรรม นอกจากนี้เมื่อผู้ติดยาเสพติดพ้นโทษก็จะมีประวัติอาชญากร ซึ่งสังคมไม่ยอมรับทำให้เกิดปัญหาในการดำรงชีพต่อไป</span><br />
<span style="color: #0c343d;">เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาทั้ง 2 ระบบดังกล่าว จึงมีแนวคิดให้มีระบบการบังคับบำบัดขึ้น ด้วยการตราเป็นพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2534 แต่ไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายด้วยเหตุหลายประการ ซึ่งต่อการกระทรวงยุติธรรมจึงได้มีการขอแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้มีความสมบูรณ์ในการบังคับใช้และให้สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 และได้มีการตราพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2549 ขึ้นใหม่ โดยมีผลยกเลิกพระราชบัญญัติเดิมดังกล่าวข้างต้น ซึ่งได้ประกาศให้ราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 119 ตอนที่ 96 ณ ลงวันที่ 30 กันยายน 2545 และมีผลบังคับในวันที่ 1 ตุลาคม 2545 </span><br />
<span style="color: #0c343d;"><br />
</span><br />
<span style="color: #0c343d;"> โดยมีหลักการและเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ โดยที่ปัญหาเกี่ยวกับการเสพยาเสพติดให้โทษในปัจจุบันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยหลักการแล้วผู้เสพยาเสพติดมีสภาพเป็นผู้ป่วยอย่างหนึ่ง มิใช่อาชญากรปกติ การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจึงสมควรกระทำให้กว้างขวาง และโดยที่ผู้เสพยาเสพติดจำนวนหนึ่งถูกบังคับให้เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดเพื่อแลกกับการได้ยาเสพติดไปเสพด้วย สมควรขยายขอบเขตของการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้ครอบคลุมถึงผู้เสพและมีไว้ในครอบครอง ผู้เสพและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และผู้เสพและจำหน่ายยาเสพติดจำนวนเล็กน้อยด้วย นอกจากนั้นเนื่องจากบุคคลซึ่งติดหรือเสพยาเสพติดมีจำนวนมากและเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ สมควรขยายสถานที่เพื่อการตรวจพิสูจน์การเสพหรือติดยาเสพติดและสถานที่เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพราะนอกจากมีหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมแล้วยังมีหน่วยงานอื่นของรัฐ และหน่วยงานเอกชนที่มีขีดความสามารถเข้ามาร่วมในการตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดและการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดของบุคคลดังกล่าว อาทิเช่น สถานที่ของหน่วยงานในราชการทหาร เขต อำเภอ และกิ่งอำเภอ สถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลของเอกชนหรือหน่วยงานอื่น ซึ่งสมควรรวมทรัพยากรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้</span><br />
<span style="color: #0c343d;"><br />
</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-mPt2FseFtFw/TzSTjQTjoYI/AAAAAAAAACk/i-fQvRyH7GA/s1600/gv121.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="40" sda="true" src="http://4.bp.blogspot.com/-mPt2FseFtFw/TzSTjQTjoYI/AAAAAAAAACk/i-fQvRyH7GA/s320/gv121.gif" width="320" /></a></div>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-51285066284227152212012-02-09T01:39:00.000-08:002012-02-09T19:44:17.485-08:00การแก้ไขฟื้นฟูและสงเคราะห์<span style="color: orange;">การแก้ไขฟื้นฟู/บริการ<br />
เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงเจตคติและ/หรือพฤติกรรมของผู้กระทำผิดให้อยู่ในบรรทัดฐานของสังคมโดยพนักงานคุมประพฤติจะคอยดูแล สอดส่อง ช่วยเหลือด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งทางด้านจิตวิทยาและสังคมสงเคราะห์เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน</span><br />
<span style="color: orange;"><br />
</span><br />
<span style="color: orange;"> วิธีการให้ความช่วยเหลือทางด้านจิตวิทยา ได้แก่ การให้คำปรึกษาหรือการให้คำแนะนำแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติและครอบครัว การพัฒนาศักยภาพโดยการเพิ่มพูนความรู้ การปรับเปลี่ยนเจตคติและ/หรือพฤติกรรม และการทำงานบริการสังคม ส่วนวิธีการให้ความช่วยเหลือทางด้านสังคมสงเคราะห์ ได้แก่ การส่งเสริมด้านการศึกษา ด้านการฝึกวิชาชีพ ด้านการมีงานทำ ด้านการยืมทุนประกอบอาชีพ การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาล การสงเคราะห์ค่าอาหารหรือค่าพาหนะ ทั้งนี้ วิธีการให้ความช่วยเหลือหรือการแก้ไขฟื้นฟูนั้น สามารถดำเนินการแบบรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มได้ตามความเหมาะสม บทความนี้จะกล่าวถึงการแก้ไขฟื้นฟูหรือการให้ความช่วยเหลือทางด้านจิตวิทยาเป็นหลัก ดังนี้</span><br />
<span style="color: orange;"><br />
</span><br />
<span style="color: orange;"> การเปลี่ยนแปลงเจตคติและ/หรือพฤติกรรมของผู้ถูกคุมความประพฤตินั้น เมื่อพิจารณาแล้ว พบว่า ยังไม่ครอบคลุมหรือเพียงพอต่อการที่ผู้ถูกคุมความประพฤติจะอยู่ในบรรทัดฐานของสังคมได้ จึงควรเพิ่มอีก 2 ด้าน คือ ด้านอารมณ์และจิตใจ และด้านสติปัญญาและคุณธรรม ส่วนด้านเจตคตินั้น รวมถึงทักษะในการทำงานและการดำเนินชีวิต</span><br />
<span style="color: orange;"><br />
</span><br />
<span style="color: orange;"> การเปลี่ยนแปลงทั้ง 4 ด้าน ดังกล่าวนั้น ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง แต่ต้องอาศัยหลาย ๆ กิจกรรมต่อเนื่องกัน เพื่อผลักดันหรือสร้างความตระหนักให้กับผู้ถูกคุมความประพฤติ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในที่สุด กิจกรรมหลาย ๆ กิจกรรมซึ่งนำมาร้อยเรียงกัน เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน และระบุเทคนิคหรือวิธีการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนั้น เรียกว่า หลักสูตรหรือโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู นอกจากนี้ ยังมีคำอีกคำหนึ่งซึ่งมีความสำคัญเช่นเดียวกัน คือ คำว่ามาตรการแทรกแซง (Intervention) หมายถึง โปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู บวกด้วยมาตรการแทรกแซงอื่น ๆ สำหรับผู้ถูกคุมความประพฤติรายนั้น ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ถูกคุมความประพฤติอยู่ในสังคมโดยปกติสุข ตัวอย่างเช่น นาย ก. เป็นผู้ถูกคุมความประพฤติคดีติดยาเสพติด ต้องเข้าร่วมโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟูสำหรับผู้ติดยาเสพติด และต้องได้รับการแทรกแซงเฉพาะสำหรับ นาย ก. ได้แก่ การบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติดจาญโรงพยาบาลธัญญรักษ์ ซึ่งรวมถึงการสงเคราะห์ค่าบำบัดรักษาในฐานะผู้ป่วยใน การให้คำปรึกษารายบุคคล การส่งเสริมการฝึกวิชาชีพ การยืมทุนประกอบอาชีพ ตลอดจนการสงเคราะห์ค่าอาหารและค่าพาหนะในระหว่างการคุมความประพฤติด้วย เป็นต้น</span><br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: orange;"> </span></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-yRwg3l03vnc/TzSSgAX_yBI/AAAAAAAAACc/qFRHleLgigs/s1600/56307_1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" sda="true" src="http://1.bp.blogspot.com/-yRwg3l03vnc/TzSSgAX_yBI/AAAAAAAAACc/qFRHleLgigs/s200/56307_1.jpg" width="185" /></a></div>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-49526018335759478152012-02-09T00:27:00.000-08:002012-02-09T19:35:58.218-08:00ความรู้ด้านงานคุมประพฤติ<span style="color: #38761d;"><strong>งานสืบเสาะ</strong> </span><br />
<span style="color: #38761d;"> ความหมายของการสืบเสาะและพินิจผู้กระทำความผิดในงานคุมประพฤติผู้ใหญ่ผู้กระทำความผิดที่เป็นผู้ใหญ่ หมายถึง ผู้กระทำความผิดที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปการสืบเสาะและพินิจผู้กระทำความผิดที่เป็นผู้ใหญ่ หมายถึง การแสวงหาข้อเท็จจริง ประวัติภูมิหลังทางสังคม และรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ของจำเลย ก่อนศาลพิจารณาพิพากษาคดี โดยพนักงานคุมประพฤติเป็นผู้ดำเนินการตามคำสั่งศาล แล้วนำข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ ประเมินและทำรายงานพร้อมทั้งความเห็นเสนอต่อศาล เพื่อใช้ประกอบดุลยพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดีว่าจะใช้มาตรการใดจึงจะเหมาะสมต่อจำเลย</span><br />
<span style="color: #38761d;"><br />
</span><br />
<strong><span style="color: #38761d;">วัตถุประสงค์ของการสืบเสาะและพินิจผู้กระทำความผิดในงานคุมประพฤติผู้ใหญ่</span></strong><br />
<span style="color: #38761d;">1) เพื่อเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเกี่ยวกับประวัติและภูมิหลังทางสังคมของจำเลยว่า จะใช้มาตรการใดจึงจะเหมาะสมต่อจำเลยเป็นรายบุคคล</span><br />
<span style="color: #38761d;">2) เพื่อกลั่นกรองผู้กระทำความผิดที่เหมาะสมเข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสังคมและแนวโน้มในการแก้ไขปรับปรุงตนเองในชุมชนของผู้กระทำความผิดเป็นหลัก</span><br />
<span style="color: #38761d;">3) เพื่อประโยชน์ในการวางแผนแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในชุมชน</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-UOzmFJytMWY/TzSQbogkoWI/AAAAAAAAACM/2D-np6Q4vKs/s1600/sw15.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="13" sda="true" src="http://2.bp.blogspot.com/-UOzmFJytMWY/TzSQbogkoWI/AAAAAAAAACM/2D-np6Q4vKs/s320/sw15.gif" width="320" /></a></div><h2 class="contentheading"><span style="color: #660000;">งานสอดส่อง </span></h2><div class="article-toolswrap"><div class="article-tools clearfix"><u><b><span style="color: #660000;">ความหมาย</span></b></u></div></div><div class="article-content"><span style="color: #660000;"> การควบคุมและสอดส่องเป็นกระบวนการติดตาม ควบคุม ดูแล และช่วยเหลือผู้กระทำผิดที่อยู่ระหว่างการแก้ไขฟื้นฟูในชุมชนภายใต้เงื่อนไขการคุมความประพฤติ เพื่อช่วยให้ผู้กระทำผิดสามารถปรับตัวอยู่ในชุมชนได้อย่างปกติ ตลอดจนไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ</span><br />
<br />
<b><u><span style="color: #660000;">วัตถุประสงค์ของการควบคุมและสอดส่อง</span></u></b><br />
<span style="color: #660000;">1.เพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดตามสภาพปัญหาและความต้องการ</span><br />
<span style="color: #660000;">2.เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดให้สามารถดำเนินชีวิตและปรับตัวเข้ากับสังคมได้ โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ</span><br />
<span style="color: #660000;">3.เพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพและความปลอดภัยของชุมชน</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-R7Q7Jup3khg/TzSQkNAHNNI/AAAAAAAAACU/Ad3mG3DvyP8/s1600/sw7.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="23" sda="true" src="http://3.bp.blogspot.com/-R7Q7Jup3khg/TzSQkNAHNNI/AAAAAAAAACU/Ad3mG3DvyP8/s320/sw7.gif" width="320" /></a></div></div>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-71301624352708825982012-02-08T21:04:00.000-08:002012-02-09T19:28:48.589-08:00ภารกิจกรมคุมประพฤติ<span style="color: #274e13;">ความเป็นมางานคุมประพฤติ <br />
การคุมประพฤติเป็นมาตรการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด ด้วยวิธีการไม่ควบคุมตัว โดยการกำหนดเงื่อนไขการคุมประพฤติ เพื่อให้ผู้กระทำผิดกลับไปใช้ชีวิตในสังคมตามปกติ การคุมประพฤติจึงเป็นวิธีการที่เปลี่ยนแนวความคิดจากวิธีการลงโทษมาเป็นวิธีการบำบัดฟื้นฟู และจากการลงโทษจำคุกมาเป็นการเลี่ยงโทษจำคุก โดยมีพนักงานคุมประพฤติคอยดูแลช่วยเหลือ ให้บุคคลดังกล่าวสามารถแก้ไขปรับปรุงนิสัยและความประพฤติของตน ภายใต้การช่วยเหลือของชุมชน เฉพาะอย่างยิ่งการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการป้องกันอาชญากรรมและการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้สามารถลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติได้อย่างชัดเจนงานคุมประพฤติเป็นงานที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนทั้งก่อนพิพากษาคดีของศาล หลังการพิพากษาคดี และในกรณีที่จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกมาระยะเวลาหนึ่ง และได้รับโอกาสการพักการลงโทษ หรือลดวันต้องโทษ ผู้ต้องขังรายดังกล่าวก็จะต้องถูกคุมความประพฤติไว้เช่นกัน ในการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอนดังกล่าวมีพนักงานคุมประพฤติ (Probation Officer) เป็นผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งการที่จะทำให้การแก้ไขฟื้นฟูบรรลุวัตถุประสงค์อย่างแท้จริงจะต้องประกอบด้วย กระบวนการสืบเสาะหาข้อเท็จจริงและท่ำความเห็นเกี่ยวกับจำเลย (Social Investigation) และกระบวนการควบคุมและสอดส่ง (Supervision) ซึ่งพนักงานคุมประพฤติ จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือดูแลผู้กระทำผิดนั้นๆ โดยการนำทรัพยากรในชุมชนเข้ามาช่วยเหลือเรียกว่า งานกิจกรรมชุมชน (Community Affairs) โดยมุ่งหวังให้ผู้กระทำผิดกลับตนเป็นพลเมืองดีและกลับคืนสู่ชุมชนอย่างมีคุณค่าต่อไป</span><br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-z59DRAqLX1g/TzSO5I0iQzI/AAAAAAAAACE/vIpUtUPoiLU/s1600/sw9.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="25" sda="true" src="http://1.bp.blogspot.com/-z59DRAqLX1g/TzSO5I0iQzI/AAAAAAAAACE/vIpUtUPoiLU/s320/sw9.gif" width="320" /></a></div>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-87881769593491286862012-02-08T21:01:00.000-08:002012-02-08T22:55:22.020-08:00นโยบายอธิบดีกรมคุมประพฤติ<span style="color: #741b47;">นโยบายอธิบดี</span><br />
<span style="color: #741b47;"> แนวทางการดำเนินงานของกรมคุมประพฤติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๔ เพื่อให้การดำเนินงานของกรมคุมประพฤติบรรลุวิสัยทัศน์ “เป็นมืออาชีพในการป้องกันสังคม โดยการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน เพื่อคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนภายในปี พ.ศ.๒๕๕๗” ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๔ กรมคุมประพฤติจึงได้กำหนดกรอบทิศทางในการทำงาน ดังนี้ <br />
๑. ด้านโครงสร้าง<br />
การแบ่งเขตพื้นที่ของกรมคุมประพฤติ ให้กำหนดเขตพื้นที่ความรับผิดชอบตามหน่วยงาน<br />
กระบวนการยุติธรรมเป็น ๙ ภาค โดยให้สำนักงานคุมประพฤติที่เป็นที่ตั้งสำนักงานภาคเดิม 9 แห่ง เป็นผู้ประสานงานภายในภาค และให้ผู้ตรวจราชการเป็นผู้สอดส่องดูแลร่วมทำงานอย่างใกล้ชิด ส่วนสำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพ และธนบุรี ให้พัฒนาการประสานงาน การดำเนินงานเพื่อให้การทำงานขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันและร่วมมือกันมากขึ้น <br />
๒. ด้านระบบงาน<br />
๒.๑ งาน/โครงการต่างๆ ของทุกหน่วยงานต้องสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ของกรม โดย<br />
เน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นฐานให้มากขึ้น และต้องมีการประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม ในทุกงาน/โครงการ เพื่อให้แสดงผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานได้อย่างชัดเจนทุกโครงการ <br />
๒.๒ การดำเนินงานในส่วนภูมิภาคควรเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของกรมคุมประพฤติและจังหวัดเข้าด้วยกัน โดยมีการบูรณาการทรัพยากรชุมชน เพื่อเสริมงบประมาณและบุคลากรจากส่วนกลาง<br />
๒.๓ ทุกหน่วยงานต้องมีการกำหนดแผนการทำงานเป็นระยะความสำเร็จ (miles stone) ของแต่ละปี โดยกำหนดตัวชี้วัดการทำงานที่เป็นจริง ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของงานและการพัฒนางานในระยะต่อไปตามแผนงาน<br />
๓. การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน<br />
๓.๑ พัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมในกระบวนงานและการบริหารจัดการหน่วยงานให้มากขึ้นใน<br />
ทุกระดับ <br />
๓.๒ พัฒนากลไกและวิธีดำเนินงาน ตลอดจนโครงการและกิจกรรมร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติและเครือข่ายยุติธรรมชุมชนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม <br />
๔. การพัฒนาบุคลากร<br />
๔.๑ เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้วยการพัฒนาค่านิยมหลักของกรมคุมประพฤติที่มุ่งเน้นให้<br />
บุคลากรทุกระดับมีความสามารถในการนำ (leadership) รักองค์กร (loyalty) มีความซื่อสัตย์ (honesty) ให้โอกาสเท่าเทียมกัน (equal opportunity) และได้รับผลตอบแทนตามผลงาน (merit) ซึ่งถือเป็นหลักการทำงานของทุกคน เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของกรมคุมประพฤติ <br />
๔.๒ ส่งเสริมให้บุคลากรมีสุขภาวะ โดยให้กรมคุมประพฤติเป็นองค์กรที่มีความยืดหยุ่น (flexible) <br />
บริหารงานโดยผ่านกระบวนการ (process) ที่ทำงานเป็นทีมไม่เน้นการดำเนินงานตามสายงาน (function) เป็นหลัก</span><br />
<span style="color: #741b47;"></span><br />
<span style="color: #741b47;"> เรื่องมุ่งเน้น<br />
การบริหารจัดการกรมคุมประพฤติ จะใช้กระบวนการจัดการความรู้ (knowledge management) เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายของงาน การพัฒนาบุคลากร และนำกรมคุมประพฤติสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ซึ่งบุคลากรทุกคนอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนที่เอื้ออาทรต่อกัน โดยมุ่งเน้นการเป็นชุมชนนักปฏิบัติ การศึกษาดูงาน การถอดบทเรียน การค้นหาแนวปฏิบัติที่ดี การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ การสอนงาน และบทเรียนจากความผิดพลาดเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ</span>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-58438325200295001072012-02-08T20:55:00.000-08:002012-02-08T20:55:32.048-08:00วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมร่วม<span style="color: #0b5394;">วิสัยทัศน์ </span><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #0b5394;">"เป็นมืออาชีพในการป้องกันสังคม โดยการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน </span></div><div style="text-align: center;"><span style="color: #0b5394;">เพื่อคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนภายในปี พ.ศ.2557"</span></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-vPoHDfriXJQ/TzNRR0doBLI/AAAAAAAAABk/RfIzsw70TZc/s1600/f39.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="27" sda="true" src="http://4.bp.blogspot.com/-vPoHDfriXJQ/TzNRR0doBLI/AAAAAAAAABk/RfIzsw70TZc/s320/f39.gif" width="320" /></a></div><br />
<span style="color: #b45f06;">พันธกิจ</span><br />
<span style="color: #b45f06;"> 1. แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัด และติดตามช่วยเหลือภายหลังปล่อยให้กลับคืนเป็นพลเมืองดีของสังคม<br />
2. เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน และภาคีเครือข่าย ในการดูแล แก้ไข บำบัด ฟื้นฟูผู้กระทำผิด</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-G2X7IqB9cMM/TzNRcWXC1HI/AAAAAAAAABs/a_3iqyHR-rg/s1600/f41.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="27" sda="true" src="http://4.bp.blogspot.com/-G2X7IqB9cMM/TzNRcWXC1HI/AAAAAAAAABs/a_3iqyHR-rg/s320/f41.gif" width="320" /></a></div><div align="center"></div> <span style="color: #351c75;">ค่านิยมร่วม</span><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #351c75;"> ในการดำเนินงานของกรมคุมประพฤติ เพื่อให้เกิดความสัมฤทธิ์ผลสูงสุดในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด ป้องกันสังคมออกจากอาชญากรรมบุคลากรของกรมคุมประพฤติจะต้องมีค่านิยมร่วมกัน</span></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #351c75;">ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม<br />
โปร่งใส ตรวจสอบได้<br />
ตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์<br />
มีความศรัทธา ภาคภูมิในวิชาชีพ และรักการให้บริการ<br />
รับผิดชอบต่อหน้าที่<br />
ทำงานเป็นทีม<br />
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รักการเรียนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง</span></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-P5Kf71VHCVo/TzNRuBeeDLI/AAAAAAAAAB0/_qAKg_lH5WU/s1600/f40.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="27" sda="true" src="http://3.bp.blogspot.com/-P5Kf71VHCVo/TzNRuBeeDLI/AAAAAAAAAB0/_qAKg_lH5WU/s320/f40.gif" width="320" /></a></div><div align="left"></div>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7136779095891584524.post-34151752358361938922012-02-08T18:37:00.000-08:002012-02-08T20:48:07.529-08:00ความเป็นมากรมคุมประพฤติ<div class="article-content"><div style="text-align: justify;"><span style="color: orange;"> </span><span style="color: #cc0000;"> </span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-Kch7LTVc1i8/TzMyTYG8h5I/AAAAAAAAABM/bcIe_FoFmmI/s1600/52476.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" sda="true" src="http://3.bp.blogspot.com/-Kch7LTVc1i8/TzMyTYG8h5I/AAAAAAAAABM/bcIe_FoFmmI/s200/52476.jpg" width="200" /></a></div><br />
<span style="color: #cc0000;"> ประเทศไทยเริ่มมีการนำระบบคุมประพฤติมาใช้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 โดยมาใช้กับผู้กระทำผิดที่เป็นเด็กและเยาวชนก่อน ส่วนผู้กระทำผิดที่เป็นผู้ใหญ่นั้น แม้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 56, 57 และ58 จะได้บัญญัติถึงวิธีการเกี่ยวกับการคุมประพฤติไว้ แต่อย่างไรก็ตามศาลคงใช้มาตรการรอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษเพียงอย่างเดียวโดยไม่ใช้วิธีการคุมความประพฤติ เนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่จะรับผิดชอบ ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลได้ <br />
<br />
จนกระทั่งรัฐบาลได้ผ่านพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตาม ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 และได้มีการจัดตั้งสำนักงานคุมประพฤติกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกอง สังกัดสำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ กระทรวงยุติธรรม และได้เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2522 โดยดำเนินการในกรุงเทพมหานครก่อน จนปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ และเพื่อเป็นการให้โอกาสแก่ประชาชนในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ให้ได้รับประโยชน์จากวิธีการคุมความประพฤติ จึงได้มีการเปิดดำเนินการสำนักงานคุมความประพฤติในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ <br />
<br />
เนื่องจากมีการขยายงานออกสู่ส่วนภูมิภาคมากขึ้น จึงให้สำนักงานคุมประพฤติกลางมีปริมาณงาน ขอบเขต อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน สำนักงานคุมประพฤติกลางจึงได้รับการ ยกฐานะให้เป็น "กรมคุมประพฤติ" เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2535 และพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่ และกิจการบริหารบางส่วนของ สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ กระทรวงยุติธรรมไปเป็นของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2535 ดัง นั้น วันที่ 15 มีนาคม ของทุกปี จึงถือเป็น "วันก่อตั้งกรมคุมประพฤติ" </span><br />
<span style="color: #cc0000;"></span></div><span style="color: #cc0000;"></span></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-6BDWpTp9wcg/TzNP9Nu8N2I/AAAAAAAAABc/xhsc3ybzGd8/s1600/f64.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="28" sda="true" src="http://2.bp.blogspot.com/-6BDWpTp9wcg/TzNP9Nu8N2I/AAAAAAAAABc/xhsc3ybzGd8/s320/f64.gif" width="320" /></a></div><br />
<br />
<br />
<br />
<div class="article-content" style="text-align: justify;"></div>Junjareehttp://www.blogger.com/profile/11595664992044207123noreply@blogger.com0